อยากเลี้ยงแมวในบ้าน ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
อยากเลี้ยงแมวในบ้าน ทำยังไงไม่ให้เดือดร้อนเพื่อนบ้านรอบข้าง
คนรักสัตว์โดยเฉพาะบรรดาทาสแมวทั้งหลายไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็อยากมีเจ้าเหมียวไว้เป็นเพื่อน เป็นเจ้านาย ผ่อนคลายจากเรื่องเครียด ๆ ของชีวิต แต่สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือแม้คุณอยากเลี้ยงแมวขนาดไหนแต่ใช่ว่าคนอื่นจะมีคำตอบเหมือนกันหมด ยิ่งถ้าเจอเพื่อนบ้านคนอื่นไม่ชอบสัตว์ด้วยแล้วจึงต้องรู้จักวิธีเลี้ยงเพื่อไม่ให้รบกวนคนเหล่านั้น ไม่สร้างปัญหาอื่นตามมาภายหลังด้วย ลองมาหาเทคนิคสำหรับคนที่อยากมีเจ้าเหมียวหนวดยาวไว้ในบ้านกันเลย
เลี้ยงแมวในบ้านยังไงไม่ให้เดือดร้อนเพื่อนบ้าน
1.แจ้งคนบ้านใกล้เรือนเคียงเอาไว้ก่อนล่วงหน้า
หากรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นคนรักแมวมาก เมื่อย้ายมาอยู่ที่ใหม่ยังไงก็ยังคิดจะเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนอยู่ดี สิ่งแรกที่ควรทำคือบอกกับคนข้างบ้าน และผู้คนบริเวณโดยรอบเพื่อให้พวกเขารู้ตัวในกรณีเจอแมวของคุณอยู่ตรงไหนจะได้ตามหาตัวง่ายขึ้น ทั้งนี้ต้องบอกด้วยว่ากรณีแมวไปสร้างความเดือดร้อนรำคาญ เช่น ขับถ่าย ปีนป่ายหลังคา ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าแล้วจะรีบจัดการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด (ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นจริงก็ต้องรีบจัดการเช่นกัน อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด)
2.เลี้ยงในระบบปิด
การเลี้ยงระบบปิด หมายถึง วิธีเลี้ยงสัตว์โดยให้สัตว์เหล่านั้นอยู่ในพื้นที่จำกัด ไม่ออกไปซุกซนหรือใช้ชีวิตอยู่ภายนอกรั้ว กรง หรือนอกบ้าน แม้แมวจะเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยอยู่นิ่ง ชอบการปีนป่าย หรือรักอิสระแค่ไหน ทว่าหากคุณตัดสินใจจะเลี้ยงพวกมันแล้วก็ต้องวางแผนเรื่องนี้ให้ดี อาจเริ่มจากให้ลองอยู่ในกรงแล้วค่อยขยายพื้นที่อยู่แค่บริเวณในบ้านที่มีประตูหน้าต่างแน่นหนา อาจมีลูกกรงหรือประตูมุ้งลวดป้องกันไม่ให้พวกมันหนีไปข้างนอกก็ได้เช่นกัน
3.สอนการขับถ่ายบนกระบะที่มีทรายแมวแล้วเก็บทิ้งประจำ
เรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นปัญหาใหญ่มากของเพื่อนบ้าน เพราะอย่างที่บอกไปแม้คุณเป็นคนรักสัตว์ ชอบเลี้ยงแมว แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีแนวคิดนี้เหมือนกันซึ่งอึแมวถือเป็นเรื่องน่ารำคาญใจของคนที่ไม่ชอบสัตว์อย่างมาก ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาต้องเริ่มจากวางกระบะทรายแมวพร้อมโรยทรายเอาไว้จุดใดจุดหนึ่งของบ้าน ตามด้วยฝึกให้แมวขับถ่ายเป็นที่ทาง เมื่อพวกมันขับถ่ายเรียบร้อยต้องรีบเก็บใส่ถุงขยะ มัดปากให้สนิทแล้วทิ้งถังขยะ นับเป็นวิธีที่ดีต่อทุกฝ่ายมากที่สุด ไร้กลิ่นเหม็นรบกวนใจ และยังไม่สร้างแหล่งเพาะเชื้อโรคอีกด้วย ทั้งนี้เมื่อเทกระบะทรายแมวทิ้งแล้วต้องล้างทำความสะอาดด้วย
4.พาไปเดินเล่นบ้างเป็นครั้งคราว
บางทีการเลือกเลี้ยงแมวในระบบปิดมากเกินไปอาจทำให้พวกมันเกิดอาการเครียด ดุร้าย ไม่เชื่อฟังคำสั่ง จนถึงขั้นทำลายข้าวของ วิธีแก้ปัญหาคือเมื่อคุณมีเวลาว่างก็ลองพาไปเดินเล่น เช่น ใส่รถเข็น จูงเชือก หรืออุ้มออกไปเดินนอกบ้าน นอกจากแมวจะไม่เครียดแล้วยังเท่ากับพาไปทำความรู้จักเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ให้เกิดความเอ็นดู หากเกิดเหตุไม่คาดฝันใด ๆ เช่น แมวหลุดออกไปข้างนอก จะได้มีคนช่วยเหลือง่ายกว่าการตามหาคนเดียวแน่นอน
5.ทำความสะอาดบ้าน กรง และจุดขับถ่ายบ่อยๆ
การเลี้ยงแมวไม่ใช่แค่จัดการกับกระบะทรายแมวอย่างเดียว แต่ควรหมั่นทำความสะอาดบ้านของตนเอง บริเวณกรงแมว และรอบ ๆ จุดขับถ่ายด้วย เป็นวิธีช่วยลดปัญหาการเกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์จากทั้งอึแมว กลิ่นสาบแมว รวมถึงยังกำจัดขนแมวไม่ให้ปลิวเข้าไปหาเพื่อนบ้านซึ่งอาจมีเด็กหรือผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ การสูดดมขนแมวย่อมเสี่ยงต่ออาการแพ้อย่างยิ่ง ซึ่งการทำความสะอาดก็มีทั้งกวาด ดูดฝุ่นขน เช็ดพื้น ฉีดน้ำไล่บริเวณที่สกปรก ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นเพิ่มความหอม
6.เอาใจใส่ มีเวลาให้ไม่ขาดตกบกพร่อง
หากคุณมั่นใจว่าตนเองเป็นคนรักสัตว์ รักแมว และอยากเลี้ยงพวกมันจริง ๆ ก็ต้องประเมินตนเองถึงการมีเวลาดูแลเอาใจใส่ หมั่นคอยอยู่ใกล้ชิด เล่นกับพวกมัน ให้ความรัก ความอบอุ่น อย่าลืมว่าสัตว์เหล่านี้ก็ไม่ต่างจากคน ต้องการความรัก เอาใจใส่ เมตตาจากคนเลี้ยง พาเจ้าเหมียวออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้าง ซื้ออาหารเสริม ขนมแมวมาเป็นรางวัลเวลาทำถูก เพื่อนบ้านที่เห็นจะรู้สึกคล้อยตามและหลงรักสัตว์เลี้ยงของคุณมากกว่าเดิม
7.มีของเล่นแมวใหม่ ๆ มาให้เจ้าเหมียวตัวโปรดเสมอ
เรื่องนี้อาจไม่เชิงเกี่ยวกับเพื่อนบ้านโดยตรงแต่ก็ถือว่ามีส่วน เพราะถ้าแมวของคุณมีความสุขกับของเล่นใหม่ที่พวกมันได้รับอยู่เสมอ ก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ไม่ส่งเสียงร้องดังรบกวนเพื่อนบ้าน ไม่พยายามหนีออกไปนอกบ้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นอกจากทำให้ผู้เลี้ยงสบายใจมากขึ้นแล้ว แมวเองก็แฮปปี้ไม่แพ้กันเลยทีเดียวเชียว
นี่คือเทคนิคง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากเลี้ยงแมวเอาไว้ในบ้านของตนเอง แต่ในแนวทางเดียวกันก็ต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนบ้านคนอื่นจนถูกมองว่าเห็นแก่ตัว หากทำตามนี้ได้นอกจากคนรอบข้างจะไม่รู้สึกรำคาญแล้วยังแอบหลงรักเจ้าเหมียวของคุณจนอาจกลายเป็นพระเอกประจำหมู่บ้านเลยก็ได้ใครจะไปรู้เรื่อง